Last updated: 4 ธ.ค. 2568 | 4 จำนวนผู้เข้าชม |
กล้องสำรวจกับงานขุดคลองและชลประทาน
เครื่องมือสำคัญที่ทำให้งานน้ำ “ไหลถูกทาง ระดับถูกต้อง และงานเสร็จมีประสิทธิภาพ”งานขุดคลอง คลองส่งน้ำ บ่อพัก ระบบชลประทาน หรือระบบระบายน้ำขนาดใหญ่ ล้วนเป็นงานที่มีจุดร่วมเดียวกันคือ ต้องการระดับที่ถูกต้องที่สุด เพราะน้ำ “ไม่โกหก” — หากระดับผิดเพียงไม่กี่เซนติเมตร น้ำสามารถล้น หยุดนิ่ง หรือไหลผิดทิศได้ทันที
และผู้ที่ควบคุมความถูกต้องเหล่านี้ได้ดีที่สุด คือ กล้องสำรวจ และช่างสำรวจภาคสนาม
1) กล้องสำรวจช่วยอะไรในงานขุดคลอง? งานชลประทานต้องใช้การวัดมุม–ระดับ–ระยะอย่างละเอียดมาก กล้องสำรวจจึงเข้ามามีบทบาทหลักในทั้ง 3 ขั้นตอนคือ:
✔ 1. สำรวจเส้นทางคลอง (Alignment Survey) ก่อนเริ่มขุด ต้องกำหนดว่า คลองจะเริ่มตรงไหน แนวจะไปทางใด จะตัดผ่านคันดินหรือพื้นที่ต่ำแค่ไหน กล้องรวม (Total Station) และ GNSS จะช่วยเก็บเส้นแนว (Alignment) ให้แม่นยำ
✔ 2. ตรวจระดับพื้นดิน (Level Survey) จุดสำคัญที่สุดของงานคลองคือ ความชัน น้ำจะไหลได้ดีหรือไม่ ขึ้นกับความชันเพียง 0.05% – 0.2% เท่านั้น กล้องระดับ (Auto Level หรือ Digital Level) ใช้ในการ วัดระดับทุก 20–50 ม. คำนวณระดับยกดิน–ตัดดิน วางระดับ Bottom of Canal (ท้องคลอง) คุมระดับตลิ่งของคลอง
✔ 3. คุมระดับขุดดินขณะเครื่องจักรทำงาน เมื่อรถแบคโฮลงพื้นที่ ช่างสำรวจต้อง เช็กระดับดินที่ขุดแล้ว บอกระดับที่ต้องขุดต่อ ตรวจระดับท้องคลองให้เท่าตามแบบ ป้องกันการขุดลึกเกินไป (Over-excavation) หากขุดลึกเกินไปต้องถมคืน → เสียเวลาและเงิน
✔ 4. คุมแนวและกำหนดจุดตัดดิน-ถมดิน กล้องช่วยกำหนด ขอบคลอง แนวตลิ่ง แนวทางน้ำ จุดตัดของพื้นที่ที่ต้องปรับระดับ ทำให้เครื่องจักรทำงานตามแบบ ไม่ออกนอกแนว ไม่เอียง
✔ 5. ตรวจสอบปริมาณงาน (As-built และ Volume) กล้องช่วยคำนวณปริมาณดินขุด (Cut) และดินถม (Fill) แบบแม่นยำ ช่วยให้เจ้าของงานและผู้รับเหมาตรวจสอบค่าจริงชัดเจน
2) ทำไมงานคลองต้องใช้กล้องสำรวจอย่างละเอียด? เพราะงานชลประทานมีปัจจัยที่ต้องควบคุมสูง เช่น:
✔ 1. ระดับน้ำต้องไหลจากสูง → ต่ำอย่างพอดี หากความชันผิดเพียง ต่ำเกินไป → น้ำไม่ไหล สูงเกินไป → น้ำไหลแรงจนพังตลิ่ง
✔ 2. ระดับท้องคลองมีผลต่อพื้นที่การใช้น้ำ downstreamระดับต่ำไปเพียง 5–10 ซม. อาจทำให้น้ำไม่ถึงพื้นที่ปลายคลอง กระทบเกษตรกรหลายไร่
✔ 3. ความกว้าง–ความลึกต้องตามแบบวิศวกรรม เพื่อให้คลองรับปริมาณน้ำตามที่ออกแบบไว้ หากลึกน้อยเกิน → รับน้ำน้อย หากลึกมากเกิน → เสียปริมาณงานและเพิ่มความเสี่ยงตลิ่งพัง
✔4. งานชลประทานเป็นงานระยะยาว ความผิดพลาดตั้งแต่แรก = ปัญหาระยะยาว 10–20 ปี จึงต้องใช้กล้องสำรวจในการควบคุมตลอดงาน
3) กล้องประเภทไหนใช้ในงานขุดคลอง?
1. Auto Level / Digital Level ใช้วัดระดับเป็นหลัก—หัวใจของงานคลอง
2. Total Stationใช้กำหนดแนว คุมจุด ตอกหมุด และเก็บเส้นทาง
3. GNSS RTK ใช้เก็บพื้นที่กว้าง เช่นแนวคลองยาว 2–10 กม.
4. Drone Survey (เสริม) ใช้ทำพื้นที่ 3 มิติ, ตรวจปริมาณดิน และภาพรวมแนวคลอง
4) ตัวอย่างงานที่ใช้กล้องสำรวจในโครงการชลประทาน
- วางแนวคลองส่งน้ำ
- วางระดับคลองรอง (Sub-Channel)
- ควบคุมระดับคลองไส้ไก่
- เช็กร่องน้ำระบายน้ำฝน
- คุมระดับการตัดคันนา
- ตรวจสอบค่าความชัน 0.05–0.1%
- ตรวจสอบระดับก่อน–หลังการขุด
- ตีเส้นและตั้งเครื่องมือช่วยให้แบคโฮขุดตามแบบ
- ตรวจแนวคันดินป้องกันน้ำล้น
5) ข้อควรระวังในงานขุดคลอง
✔ 1. ระดับต้องแม่นกว่างานทั่วไป ความผิดพลาด 1 ซม. อาจทำให้น้ำไม่ไหลตามที่ออกแบบ
✔ 2. ระวังพื้นดินนิ่ม ขาตั้งกล้องจมควรใช้ Plate หรือไม้รองขา
✔ 3. ตรวจระดับซ้ำทุกระยะ 20–30 ม. เพื่อกันข้อผิดพลาดสะสม
✔ 4. ระวังเครื่องจักรชนกล้อง ควรตั้งกล้องในจุดปลอดภัยด้านข้าง
สรุป
กล้องสำรวจเป็นหัวใจสำคัญของงานขุดคลองและชลประทาน เพราะช่วยให้
✔ ระดับท้องคลองตรงตามแบบ
✔ น้ำไหลได้ดีตามการออกแบบ
✔ เครื่องจักรทำงานได้แม่นยำ
✔ ลดความผิดพลาดระยะยาว
✔ ควบคุมปริมาณงานได้ถูกต้อง
กล้องสำรวจคือเครื่องมือที่ทำให้งานคลอง “ไหลลื่น” ด้วยระดับที่ถูกต้องแม่นยำทุกมิลลิเมตร