ข้อดีและข้อเสียของการเปลี่ยนจาก Auto Level สู่ Digital Level

Last updated: 27 ต.ค. 2568  |  21 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ข้อดีและข้อเสียของการเปลี่ยนจาก Auto Level สู่ Digital Level

ข้อดีและข้อเสียของการเปลี่ยนจาก Auto Level สู่ Digital Level

การย้ายจากกล้องระดับ Auto Level ไปใช้ Digital Level ช่วยเพิ่มความเร็ว ความสม่ำเสมอ และลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ แต่ก็มาพร้อมต้นทุน การดูแล และทักษะที่สูงขึ้น บทความนี้สรุปเพื่อช่วยตัดสินใจบนพื้นฐานงานจริง

ข้อดีของ Digital Level

  • ลดความผิดพลาดจากการอ่านค่า ด้วยการอ่านบาร์โค้ดสตาฟอัตโนมัติ
  • ทำงานเร็วขึ้น เล็งและบันทึกค่าหลัง ค่า หน้า ระยะ และเวลาได้ในการกดครั้งเดียว
  • ข้อมูลสม่ำเสมอขึ้น ลดความต่างระหว่างผู้ปฏิบัติงาน
  • มีฟังก์ชันช่วย QC เช่น line/loop leveling, double run, balance sight
  • ศักยภาพความละเอียดสูง เหมาะงานควบคุมระดับย่อยมิลลิเมตรต่อกิโลเมตร (ขึ้นกับรุ่นและวิธี)

ข้อเสียและข้อควรระวัง

  • งบลงทุนสูงกว่า ต้องใช้สตาฟบาร์โค้ดเฉพาะรุ่น
  • พึ่งพาแบตเตอรี่และอิเล็กทรอนิกส์ ต้องบริหารไฟและป้องกันพอร์ต/จอ
  • อ่านสตาฟยากเมื่อฝนเกาะ แสงสะท้อน สตาฟสกปรก หรือมีภาพลวงจากความร้อน
  • บางรุ่นหนักกว่าและมีขั้นตอนตั้งค่ามากขึ้น ต้องฝึกทีม
  • ค่าซ่อมและสอบเทียบสูงกว่า โดยเฉพาะโมดูลอ่านบาร์โค้ด/ออปติก

เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับงาน

  • ควรย้ายเป็น Digital Level เมื่อมีจำนวนจุดมาก ทำซ้ำหลายเฟส ต้องการไฟล์ข้อมูลมาตรฐาน และต้องการความสม่ำเสมอสูงข้ามทีม/หลายวัน
  • คงใช้ Auto Level สำหรับงานทั่วไป งานชั่วคราว หรืองบจำกัดที่ต้องการเครื่องทน ใช้ง่าย และยอมรับความแม่นยำระดับมิลลิเมตรหลายหน่วย

ผลกระทบต่อเวิร์กโฟลว์และคุณภาพ

  • เวลาเฉลี่ยต่อจุดลดลง และลดเวลาหลังสนามจากการส่งออกไฟล์โดยตรง
  • อัตราผิดพลาดจากการอ่านและคีย์ข้อมูลลดลง ทำให้ปิดลูปและตรวจผลได้เป็นระบบ
  • ยังต้องรักษาวินัยภาคสนาม เช่น สมดุลระยะหน้าหลัง ทำ double run คุมลมและความร้อน ตั้งขาตั้งให้มั่นคง

งบประมาณและการดูแล

  • ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น: เครื่อง Digital Level, สตาฟบาร์โค้ด 12 ต้น, แบตเตอรี่สำรอง, เคสป้องกัน
  • ค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง: สอบเทียบประจำปี, ดูแลเลนส์และแถบบาร์โค้ด, ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
  • การฝึกอบรมทีม: วิธีโฟกัสให้คอนทราสต์ชัด ใช้ฟังก์ชันเตือน และจัดการไฟล์/รหัสจุด

แนวทางเปลี่ยนผ่านที่ปลอดภัย

  1. ทดสอบนำร่อง: รันคู่ Digital Level กับ Auto Level บนเส้นเดียวกัน 12 วัน เปรียบเทียบเวลาและค่า misclosure
  2. จัดทำ SOP สั้นและชัดเจน: ขั้นตอนตั้ง เล็ง ตรวจคุณภาพ ส่งออกข้อมูล เกณฑ์คัดทิ้ง และตารางบำรุงรักษา
  3. เตรียมสำรอง: แบตเตอรี่ อะแดปเตอร์ และสตาฟบาร์โค้ดสำรอง
  4. เข้มงวดด้าน QC: บังคับ double run สมดุลระยะหน้าหลัง และบันทึกสภาพแวดล้อมควบคู่ข้อมูลจุด
สรุป: Digital Level ให้ความเร็ว ความสม่ำเสมอ และระบบข้อมูลที่ดีกว่า เหมาะงานที่ต้องคุณภาพสูงและติดตามผลระยะยาว ขณะที่ Auto Level ยังคุ้มค่าสำหรับงานทั่วไปที่ต้องความทนและต้นทุนต่ำ การตัดสินใจควรพิจารณาปริมาณงาน เกณฑ์ความแม่นยำ งบประมาณ สภาพหน้างาน และความพร้อมของทีม โดยเริ่มจากโครงการนำร่องก่อนใช้งานเต็มรูปแบบ

ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้