ข้อดีข้อเสียของการใช้กล้องระดับ (Auto Level) เทียบกับการวัดด้วยสายยาง

การวัดระดับในงานก่อสร้างเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อความเรียบร้อย ความแข็งแรง และคุณภาพของงาน เช่น การเทพื้น การทำถนน การตั้งแบบคอนกรีต หรือการติดตั้งรางน้ำ การเลือกวิธีวัดระดับจึงมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ของงาน

ในปัจจุบัน วิธีที่ใช้กันทั่วไปมีสองแบบ ได้แก่

• การใช้กล้องระดับ (Auto Level)
• การวัดระดับด้วยสายยาง (Water Tube Level)

ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างชัดเจน

การวัดด้วยสายยางคืออะไร

สายยางหรือระดับน้ำ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สุดในการวัดระดับ ใช้หลักการที่ว่าน้ำจะอยู่ระดับเดียวกันเสมอในปลายทั้งสองด้าน เหมาะกับงานขนาดเล็กที่ต้องการความเรียบง่ายและไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง

ข้อดีของการวัดระดับด้วยสายยาง

• ใช้งานง่าย ไม่ต้องฝึกเยอะ
• ราคาถูก เหมาะกับงานขนาดเล็ก
• ใช้งานในที่แคบหรือมีสิ่งกีดขวางได้ดี

ข้อเสียของการใช้สายยาง

• ความแม่นยำไม่สูง ระดับน้ำขยับง่าย
• ต้องใช้คนสองคน ทำให้งานช้า
• ใช้กับพื้นที่กว้างได้ยาก ระดับน้ำไม่เสถียร
• ข้อมูลไม่สามารถเก็บบันทึกหรือนำไปคำนวณต่อได้

กล้องระดับ (Auto Level) คืออะไร

กล้องระดับเป็นเครื่องมือวัดระดับแนวราบ ใช้ร่วมกับไม้สต๊าฟ ทำให้สามารถวัดระดับได้อย่างแม่นยำในระยะไกล เหมาะกับงานก่อสร้างทุกประเภทตั้งแต่งานบ้านจนถึงโครงการใหญ่

ข้อดีของการใช้กล้องระดับ

• ความแม่นยำสูง อ่านค่าได้ละเอียด
• ทำงานเร็ว วัดได้หลายจุดจากตำแหน่งเดียว
• ใช้ได้ในพื้นที่กว้างมาก
• สามารถเก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์หรือคำนวณต่อได้
• ช่วยลดจำนวนคน เหลือเพียงผู้เล็งกล้องและผู้ถือไม้สต๊าฟ

ข้อเสียของกล้องระดับ

• ราคาสูงกว่าสายยาง
• ต้องมีทักษะและความรู้พื้นฐานในการตั้งกล้อง
• ต้องดูแลรักษาและสอบเทียบเพื่อคงความแม่นยำ

สรุป

หากงานต้องการความแม่นยำ เช่น เทพื้นถนน พื้นโรงงาน งานท่อ งานบ่อพัก หรืองานโครงสร้าง ควรใช้กล้องระดับ ส่วนงานเล็กทั่วไปสามารถใช้สายยางได้ แต่ต้องยอมรับว่าความแม่นยำต่ำกว่าอย่างมาก