วิธีเก็บข้อมูลด้วยกล้องสำรวจ ในเขตก่อสร้างที่มีเครื่องจักรหนาแน่น 

Last updated: 25 พ.ย. 2568  |  8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีเก็บข้อมูลด้วยกล้องสำรวจ ในเขตก่อสร้างที่มีเครื่องจักรหนาแน่น 

วิธีเก็บข้อมูลด้วยกล้องสำรวจ ในเขตก่อสร้างที่มีเครื่องจักรหนาแน่น 
งานสำรวจหลายพื้นที่ โดยเฉพาะไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น งานถนน งานโรงงานอุตสาหกรรม งานอาคารสูง งานท่าเรือ โครงการโครงสร้างพื้นฐานมักมี เครื่องจักรหนักวิ่งผ่านตลอดเวลา เช่น รถแบคโฮ, รถเครน, รถดั้ม, รถบด, รถโฟล์คลิฟต์ ฯลฯซึ่งทำให้การเก็บข้อมูลภาคสนามมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อช่างสำรวจและอุปกรณ์ราคาแพงอย่างกล้องสำรวจบทความนี้สรุป

“วิธีเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง ปลอดภัย และยังคงคุณภาพงาน” ในพื้นที่ที่มีเครื่องจักรหนาแน่น

1) ประเมินพื้นที่ก่อนเริ่มตั้งกล้อง (Site Assessment)
ก่อนตั้งกล้อง ช่างสำรวจต้องสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างรวดเร็ว:
✔ จุดที่รถวิ่งผ่านเป็นประจำ เลี่ยงการตั้งกล้องกลางเส้นทางรถ ใช้ข้างทางหรือพื้นที่ปลอดภัย
✔ จุดที่มีการกลับรถ/หมุนแขนของเครน แขนเครนหมุนกว้างมาก อาจชนกล้องโดยไม่ตั้งใจ
✔ ระดับพื้น ต้องเลือกพื้นที่นิ่ง ไม่สั่น ไม่เป็นดินอ่อน หรือใกล้หลุมขุด
✔ เส้นทางการเดินของผู้ช่วยถือปริซึม ควรมีเส้นที่เดินได้จริง ไม่ขวางเครื่องจักรหรือรถวิ่ง


2) ตั้งกล้องในพื้นที่ปลอดภัยที่สุด
✔ ตั้งกล้องใน “Safe Zone” เช่น ข้างแบริเออร์, ขอบคันดิน, ด้านหลังเสาไฟ, หลังรถของทีมสำรวจ
✔ ตั้งกล้องให้สูงกว่าตำแหน่งที่รถจะเฉี่ยว ถ้าตั้งในระดับต่ำเกินไป รถที่ถอยหลังอาจมองไม่เห็น
✔ ถ้าจำเป็นต้องตั้งกลางพื้นที่ ให้ใช้ “ผู้กันชน (Spotter)” ผู้กันชนมีหน้าที่คอยดูรถและส่งสัญญาณเตือนทีมสำรวจ
✔ ตั้งขาตั้งให้นิ่งที่สุด เครื่องจักรหนักทำให้พื้นสั่นได้ตลอด กล้องต้องล็อกแน่นและปรับระดับใหม่บ่อยครั้ง


3) ใช้เสื้อสะท้อนแสงและสัญลักษณ์เตือนให้ชัดเจน
✔ ใส่เสื้อสะท้อนแสงตลอดเวลา ให้เครื่องจักรมองเห็นชัดขึ้น
✔ ตั้งกรวย ป้ายเตือน หรือธงสะท้อนแสงรอบพื้นที่ทำงาน ช่วยให้คนขับรู้ว่ามีกล้องตั้งอยู่ ลดโอกาสเฉี่ยวล้ม
✔ หากทำงานกลางคืน ใช้ไฟกระพริบหรือไฟฉายติดขาตั้ง

4) ทำงานแบบ “สองคนขึ้นไป” เท่านั้น การทำงานในไซต์ที่มีเครื่องจักรเยอะไม่ควรทำคนเดียว:
✔ คนหนึ่งตั้งกล้อง
✔ อีกคนถือปริซึม
✔ อีกคนเป็นผู้ดูรถ (Spotter / Safety Man)
โดยเฉพาะบริเวณที่มีรถถอยหลังหรือแบคโฮหมุนตัวได้หลายทิศทาง


5) ใช้โหมดการยิงที่เหมาะกับหน้างาน
ในเขตเครื่องจักรสั่นสะเทือนสูง ต้องเลือกโหมดการยิงให้ถูกต้อง:
✔ ใช้ Fine Mode เพื่อลดผลกระทบจากแรงสั่น
✔ หลีกเลี่ยง Tracking Mode เพราะค่าจะไม่นิ่งเมื่อพื้นสั่นไหว
✔ ใช้ Prism Mode แทน Reflectorless เนื่องจากเครื่องจักรหลายชนิดสะท้อนแสงและระยะอาจผิดพลาด

6) เก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ลดระยะเวลาในจุดเสี่ยง
✔ เก็บจุดสำคัญก่อนเสมอ เช่น BM, จุดควบคุม, จุดอ้างอิงหลัก
✔ วางแผนเส้นทางการวัด เพื่อให้ทั้งกล้องและผู้ถือปริซึมไม่ต้องเดินเข้า–ออกจุดเสี่ยงบ่อยครั้ง
✔ จัดกลุ่มจุดที่ต้องเก็บให้ใกล้กัน ลดจำนวนรอบของการหมุนกล้องท่ามกลางรถเยอะ ๆ


7) สื่อสารกับผู้ควบคุมเครื่องจักรทุกครั้ง
✔ ก่อนเริ่มงาน ให้แจ้งหัวหน้าควบคุมเครื่องจักร ว่าทีมสำรวจทำงานอยู่จุดไหน เพื่อให้หลีกเลี่ยง
✔ ใช้สัญญาณมือเหมือนกันทั้งทีม เช่น หยุด, ช้า, ผ่านได้, รอ ฯลฯ
✔ หากมีวิทยุสื่อสาร ใช้ร่วมกับทีมเครื่องจักร

8) ตรวจสอบความนิ่งของกล้องเป็นระยะ ๆ
เพราะพื้นจะสั่นจากเครื่องจักรตลอดเวลา ควรเช็กระดับฟองน้ำของขาตั้ง และระดับน้ำในกล้องทุก 5–10 นาที
หากพบว่ากล้องขยับแม้เพียงเล็กน้อย ต้อง: ปรับระดับใหม่ วัดจุด Benchmark ซ้ำ ตรวจสอบว่าค่าคลาดเคลื่อนไม่เกิดขึ้น

9) อย่าเสี่ยงเล็งปริซึมผ่านเครื่องจักร
หากระยะเล็งมีรถขวาง เช่น รถดั้ม รถเครน หรือแบคโฮ: ห้ามยิงระยะผ่าน รอให้รถเคลื่อนออก สื่อสารให้พื้นที่เคลียร์ก่อน สัญญาณ EDM จะผิดเพี้ยนจากโครงเหล็ก เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนสะท้อนแสง


10) ทำงานให้เร็วแต่ “ไม่เร่งจนเสี่ยง”
งานในเขตเครื่องจักรหนาแน่นต้องแข่งกับเวลา แต่ต้องไม่เร่งจนลดความปลอดภัย
ควร: ล็อกกล้องทุกครั้งเมื่อหยุดพัก ถือปริซึมให้มั่น ไม่เดินใกล้รถ ไม่ปีนขึ้นวัสดุเพื่อให้ได้มุมที่ใกล้ขึ้น

สรุป
การเก็บข้อมูลด้วยกล้องสำรวจในเขตก่อสร้างที่มีเครื่องจักรหนาแน่น ต้องเน้นทั้ง
✔ ความปลอดภัย
✔ ความแม่นยำ
✔ การวางแผนที่ดี
✔ การสื่อสารกับทีมเครื่องจักร
“ความเร็วต้องมาพร้อมความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นทั้งทีมอาจเสียทั้งเวลาและอุปกรณ์ราคาแพง”

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้