กล้องวัดมุมแบบใช้แบตเตอรี่ vs กล้องวัดมุมแบบใช้รางถ่าน

Last updated: 19 พ.ย. 2568  |  8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กล้องวัดมุมแบบใช้แบตเตอรี่ vs กล้องวัดมุมแบบใช้รางถ่าน

กล้องวัดมุมแบบใช้แบตเตอรี่ vs กล้องวัดมุมแบบใช้รางถ่าน
ข้อดี–ข้อเสียต่างกันอย่างไร? (บทความเชิงเทคนิคสำหรับงานสำรวจภาคสนาม)กล้องวัดมุม (Theodolite) เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับงานก่อสร้าง งานสำรวจระยะทาง และงานกำหนดแนวต่าง ๆ โดยระบบพลังงานของกล้องมีผลต่อความต่อเนื่อง ความเสถียร และคุณภาพของการวัดอย่างมาก

ปัจจุบันกล้องวัดมุมที่พบในหน้างานมี 2 แบบหลัก ๆ คือ กล้องวัดมุมแบบใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบชาร์จได้ กล้องวัดมุมแบบใช้รางถ่าน (Dry Cell Battery Pack) หลายคนสงสัยว่า “แบบไหนดีกว่า?” คำตอบคือ: ทั้งสองแบบดี แต่เหมาะกับงานคนละประเภท

1) กล้องวัดมุม “แบบใช้แบตเตอรี่ลิเธียม”
(เช่น แบตกล้องเฉพาะรุ่นของ Nikon, Sokkia, Topcon)

ข้อดี
1. พลังงานเสถียร ใช้งานได้นานกว่า แบตลิเธียมเก็บไฟได้มากกว่า ใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง (6–10 ชม.) เหมาะสำหรับงานทั้งวันโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตบ่อย
2. การจ่ายไฟนิ่ง ทำให้เครื่องอ่านค่ามีความเสถียร เมื่อแรงดันคงที่ กล้องทำงานแม่นยำขึ้น เหมาะสำหรับงานวัดละเอียด เช่น งานโครงสร้าง งานโรงงาน
3. ชาร์จซ้ำได้ ลดต้นทุนระยะยาว ไม่ต้องซื้อถ่านใหม่บ่อย ๆ แบตเสื่อมช้าเมื่อดูแลถูกวิธี
4. น้ำหนักเบา ไม่เกะกะ ไม่ต้องพกถ่านหลายก้อน แบต 1 ก้อน ก็ทำงานได้ยาว

ข้อเสีย
1. ถ้าแบตหมดและไม่มีชาร์จ → งานสะดุดทันที ต้องพกแบตสำรอง หรือที่ชาร์จติดรถไว้เสมอ
2. แบตเฉพาะรุ่น ราคาสูง แบตสำรองอาจมีราคา 1,500 – 4,000 บาทต่อก้อน หากเสีย ต้องซื้อใหม่รุ่นเดียวกันเท่านั้น
3. อายุการใช้งานลดลงเมื่อใช้ไปหลายปี แบตลิเธียมเสื่อมตามเวลา หากไม่ได้ชาร์จตามรอบที่ควร อาจลดสภาพเร็วขึ้น

2) กล้องวัดมุม “แบบใช้รางถ่าน (Dry Cell Battery)” 
ใช้ถ่าน AA หรือ AAA ใส่ในรางแบตเตอรี่

ข้อดี
1. หาแหล่งพลังงานง่ายมาก ถ่าน AA หาซื้อง่ายที่สุด ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง สะดวกมากในไซต์ต่างจังหวัด
2. ราคาถูก ถ่านก้อนละไม่กี่บาท ไม่ต้องซื้อแบตเฉพาะรุ่นราคาแพง
3. ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ ถ่านหมดก็เปลี่ยนใหม่ได้ทันที ไม่ต้องรอชาร์จเหมือนแบตลิเธียม
4. เหมาะสำหรับงานทั่วไป–งานฉุกเฉิน เหมาะกับทีมที่ไม่ได้ใช้กล้องทุกวัน ใช้งานที่ต้องพกพาไปหลายพื้นที่

ข้อเสีย
1. พลังงานไม่เสถียร แรงดันของถ่านลดลงเรื่อย ๆ อาจทำให้ค่าที่วัดเริ่มไม่นิ่งเมื่อถ่านใกล้หมด เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความเที่ยงตรงมาก
2. ใช้งานได้น้อยกว่าแบตลิเธียม ถ่านอยู่ได้ประมาณ 3–5 ชั่วโมง ต้องพกถ่านสำรองหลายชุด
3. เสี่ยงน้ำลายถ่าน (Battery leak) หากใช้ถ่านคุณภาพต่ำหรือทิ้งตากแดด น้ำกรดอาจกัดรางแบตหรือขั้วเครื่อง
4. ถ่านหลายก้อนต้องใส่ให้ถูกขั้ว ใส่ผิดเครื่องไม่ทำงาน หรือแรงดันไม่สมบูรณ์

เหมาะกับงานแบบไหน?
ใช้แบตลิเธียม ถ้าคุณต้องการ งานถนน งานโครงสร้าง ความแม่นยำสูง ทำงานทั้งวัน งบประมาณสำหรับแบตสำรอง ใช้กล้องทุกวัน
ใช้รางถ่าน ถ้าต้องการ งานเบา ๆ ไม่ซีเรียสค่าคลาดเคลื่อน ใช้เฉพาะบางครั้ง ทำงานนอกพื้นที่ที่หาไฟชาร์จยาก ต้องการความง่าย–เร็ว–สะดวก

บทสรุป
กล้องวัดมุมทั้งสองแบบใช้งานได้ดี แต่มีจุดเด่นต่างกัน
การเลือกใช้งานควรพิจารณาจาก ความแม่นยำที่ต้องการ, ความสะดวก, และ ลักษณะงานภาคสนาม
✔ แบตเตอรี่ลิเธียม = เสถียร แม่นยำ ใช้ได้นาน
✔ รางถ่าน = สะดวก ประหยัด หาง่าย ใช้ง่าย
ทั้งคู่ตอบโจทย์คนทำงานภาคสนามได้ดี เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับงานของคุณ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้