วิธีการเลือกและตั้งค่า Prism Offset เพื่อให้ตรงกับรุ่นกล้องและปริซึม

Last updated: 14 ต.ค. 2568  |  20 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีการเลือกและตั้งค่า Prism Offset เพื่อให้ตรงกับรุ่นกล้องและปริซึม

️วิธีการเลือกและตั้งค่า Prism Offset เพื่อให้ตรงกับรุ่นกล้องและปริซึม

ความเที่ยงตรงของการวัดระยะทางด้วยกล้องสำรวจ (Total Station) ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า Prism Offset หรือ Prism Constant ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับคุณลักษณะทางแสงของเป้าปริซึมที่ใช้ หากตั้งค่าผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ค่าระยะทางที่ได้จะผิดเพี้ยนเป็นค่าคงที่ตลอดแนวการวัด (Constant Bias) บทความนี้เสนอแนวทางปฏิบัติเพื่อการตั้งค่าที่ถูกต้องและวิธีการตรวจสอบในสนาม


1. ความเข้าใจเกี่ยวกับ Prism Offset

คำศัพท์ที่ใช้ความหมายโดยรวม
Prism Constantค่าชดเชยที่ใช้แก้ไขจุดศูนย์กลางการสะท้อนของปริซึม
Prism Offset / EDM Offsetค่าที่กล้องจะนำไปบวกหรือลบจากระยะทางที่วัดได้ (มักมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร และมีเครื่องหมาย + หรือ − กำหนดทิศทาง)
Reflectorless Modeโหมดการวัดที่ไม่มีปริซึมสะท้อน (เล็งที่ผิววัตถุโดยตรง) ต้องตั้งค่า Offset เป็น 0 mm เสมอ

หลักการทำงาน: กล้อง Total Station จะทำการวัดระยะทางจากศูนย์กลางแกนกล้องไปจนถึงผิวหน้าปริซึม จากนั้นจะนำค่า Prism Constant ที่ผู้ใช้กำหนดไป "บวก" เข้ากับระยะที่วัดได้ เพื่อให้ได้ระยะทางที่ถูกต้องถึง จุดกึ่งกลาง ของปริซึม


2. การกำหนดค่า Offset ตามรุ่นปริซึมที่ใช้งาน

การตั้งค่าต้องอ้างอิงจาก คุณลักษณะเฉพาะของเป้าปริซึมจริง ไม่ใช่รุ่นของกล้องสำรวจ

  1. อ้างอิงจากสเปก: ตรวจสอบค่า Prism Constant ที่ระบุไว้บนตัวปริซึมหรือในคู่มือของผู้ผลิตปริซึม ซึ่งจะระบุค่าเป็นตัวเลขพร้อมเครื่องหมายอย่างชัดเจน (เช่น −30 mm, −34.4 mm, 0 mm)
  2. การตั้งค่าในกล้อง: เข้าไปที่เมนู Target/Prism Constant/Offset ของกล้องสำรวจ แล้วป้อนตัวเลข พร้อมเครื่องหมาย ให้ตรงกับค่าที่ระบุไว้บนปริซึม
  3. โปรไฟล์สำเร็จรูป: หากกล้องมีตัวเลือกโปรไฟล์สำเร็จรูป ควรเลือกให้ตรงกับรุ่นปริซึมที่กำลังใช้งาน
  4. ข้อควรระวัง: ปริซึมชนิดพิเศษ เช่น Mini Prism, 360∘ Prism อาจมีค่าคงที่แตกต่างจากปริซึมมาตรฐาน*ต้องยึดตามคู่มือปริซึมนั้น ๆ เป็นหลัก

ตัวอย่างค่าที่พบบ่อย (อ้างอิงทั่วไป): ปริซึมมาตรฐานส่วนใหญ่มักมีค่าในกลุ่ม −30 mm


3. การตรวจสอบความถูกต้องในสนาม (Baseline Test)

การตรวจสอบความถูกต้องของค่า Offset ที่ตั้งไว้จะช่วยยืนยันความแม่นยำในการวัดระยะทาง

  1. หลักการตรวจสอบ: เลือก Baseline ระยะสั้น (เช่น 20−50 m)และวัดระยะด้วยปริซึมที่ต้องการตรวจสอบ
  2. การเปรียบเทียบ: เปรียบเทียบผลการวัดกับระยะที่ทราบค่าจริง หรือเปรียบเทียบกับการวัดด้วยปริซึมชุดอื่นที่ได้รับการสอบเทียบ
  3. การวิเคราะห์ผล: ถ้าค่าที่วัดได้มีความแตกต่างจากค่าจริงเป็น "ค่าคงที่" ตลอดทุกระยะการวัด แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ Prism Constant ถูกตั้งค่าผิด

4. ผลกระทบของการตั้งค่า Offset ที่ผิดพลาด

ความคลาดเคลื่อนในการวัดระยะทางจะเป็นผลต่างระหว่างค่าที่ตั้งในกล้องกับค่าจริงของปริซึม: Error=(ค่า Offset ที่ตั้งในกล้อง)−(ค่า Offset จริงของปริซึม)
 

ตัวอย่างสถานการณ์การคำนวณความคลาดเคลื่อนผลกระทบต่อระยะที่อ่านได้
ปริซึมจริง =-30 mm แต่ตั้งกล้อง =0 mmError}= 0 - (-30) = +30  mmระยะที่วัดได้จะ ยาวเกินจริง 30  mm} ทุกช็อต
ปริซึมจริง =-34.4  mm แต่ตั้งกล้อง =-30 mmError = -30 - (-34.4) = +4.4  mmระยะที่วัดได้จะ ยาวเกินจริง 4.4  mm ทุกช็อต

5. เช็กลิสต์เพื่อลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน

  • ระบุ รุ่นและค่าคงที่ ของปริซึมที่ใช้งานตามคู่มืออย่างชัดเจน
  • ตั้งค่า Prism Constant/Target Type ในกล้องให้ตรงทั้งตัวเลขและ เครื่องหมาย
  • ในการปฏิบัติงานที่ใช้ปริซึมหลายชุด ต้องสร้าง โปรไฟล์เป้าหมาย (Target Profile) แยกกันและสลับใช้ให้ถูกต้อง
  • เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมด Reflectorless ต้องตั้งค่า Offset เป็น 0 mm ทันที
  • บันทึกค่า Offset ที่ใช้ในแต่ละงานลงในรายงานเพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบย้อนหลัง

ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้