การใช้กล้องวัดระดับถนนในเขตพื้นที่สูงต่ำต่างกัน

การวัดระดับถนนในเขตพื้นที่สูง–ต่ำต่างกัน เป็นงานสำคัญที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง เพื่อให้การออกแบบถนน: มี ความลาดชันที่เหมาะสม (ไม่ชันเกินไป) มีระบบ ระบายน้ำที่ดี และ ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน โดยเฉพาะรถยนต์และจักรยาน การใช้ กล้องระดับ (Auto Level) หรือ กล้อง Total Station จึงเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในกระบวนการวัดระดับพื้นที่ถนนแบบมืออาชีพ

ขั้นตอนการวัดระดับถนนในพื้นที่ต่างระดับ
✅ 1. เตรียมอุปกรณ์
กล้องระดับ (หรือ Total Station) + ขาตั้ง
ไม้สต๊าฟ (ยาว 5 เมตรในพื้นที่ต่างระดับมาก)
แบบบันทึกค่าระดับ
หมุดควบคุมระดับ (Benchmark) อย่างน้อย 1 จุด
แปลนเส้นทางถนน (เบื้องต้น)

✅ 2. ตั้งกล้องและหา Benchmark (จุดอ้างอิงระดับ)
ใช้หมุดระดับที่มีค่าความสูงรู้แน่นอน เช่น BM = 100.000 m
ตั้งกล้องให้อยู่ตรงกลางระหว่าง BM และจุดถนนที่ต้องการวัด

✅ 3. วัดระดับในหลาย ๆ จุดตลอดแนวถนน
วางไม้สต๊าฟที่จุดต่าง ๆ: จุดต่ำสุด, จุดสูงสุด, ช่วงเปลี่ยนระดับ
ทุก ๆ 10–20 เมตรตามแนวถนน
อ่านค่าระดับจากไม้สต๊าฟ → คำนวณค่าระดับจริง
หากพื้นที่มีความต่างระดับเยอะ (เนิน-ลาด) ให้ แบ่งการวัดเป็นช่วงๆ แล้วใช้เทคนิค “เดินกล้อง” (การย้ายกล้องโดยใช้ BS/FS)

✅ 4. คำนวณความลาดชัน (Slope)
ใช้สูตร:

ตัวอย่าง:
จุดเริ่มถนน: 120.000 m
จุดปลายถนน: 115.000 m
ระยะห่าง: 200 m
Slope = (120 - 115)/200 × 100 = 2.5%

✅ 5. สร้าง Profile ถนน
วาดกราฟเส้นระดับตามความยาวถนน (Elevation Profile)
ใช้เป็นข้อมูลส่งต่อให้วิศวกรออกแบบโครงสร้างถนน, ควบคุมงานถม, ตัด, หรือเทคอนกรีต

ข้อควรระวัง
เนินลาดสูง คำแนะนำ ใช้ไม้สต๊าฟยาว / ย้ายกล้องบ่อย
กล้องสั่ง คำแนะนำ ตั้งขาตั้งให้แน่น ตรวจฟองระดับ
ระดับน้ำฝน/น้ำขัง คำแนะนำ ควรสำรวจในวันที่แห้ง
วัดในเขตที่มีต้นไม้หรือทางชัน คำแนะนำ ใช้ขาตั้งสูงและระวังการพลัดตก
 
กล้องที่แนะนำ
Auto Level 32x (เช่น Bosch GOL-32D, Leica NA320)
Total Station → หากต้องการวัดระดับพร้อมพิกัด X,Y

✅ สรุป:
การวัดระดับถนนในพื้นที่ต่างระดับ ต้องอาศัยความแม่นยำ + ข้อมูลหลายจุด + การคำนวณ slope เพื่อออกแบบถนนให้ไหลเรียบ ปลอดภัย และไม่สะสมน้ำ