วิธีเลือกกล้องระดับให้เหมาะกับประเภทงาน

การเลือกกล้องระดับที่เหมาะสมกับประเภทงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะกล้องแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อความแม่นยำและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน การเลือกกล้องที่ถูกต้องจะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดงบประมาณ

1. งานบ้านและอาคารขนาดเล็ก

ลักษณะงาน: การปรับระดับพื้น, การวางแนวท่อ, การควบคุมความสูงของคาน

กล้องที่เหมาะสม: กล้องระดับอัตโนมัติ (Auto Level) ระดับเริ่มต้นถึงกลาง

• กำลังขยายเลนส์: 20-24x เพียงพอสำหรับระยะใช้งานสั้น ๆ
• ความเที่ยงตรง: 2.5 mm ต่อ 1 กิโลเมตร
• การป้องกัน: มาตรฐานกันฝุ่น/น้ำ IP54 ขึ้นไป

อุปกรณ์เสริม: ขาตั้งอะลูมิเนียม (น้ำหนักเบา) และไม้สต๊าฟขนาด 34 เมตร

2. งานถนนและโครงสร้างแนวยาว

ลักษณะงาน: การควบคุมความลาดเอียง (Slope) ของผิวถนน, การวางแนวคันดิน

กล้องที่เหมาะสม: Auto Level ระดับกลางถึงโปร หรือ Digital Level

• กำลังขยายเลนส์: 28-32x ช่วยให้มองเห็นในระยะไกลได้ชัดเจน
• ความเที่ยงตรง: 1.5-2.0 mm ต่อ 1 กิโลเมตร
• การป้องกัน: มาตรฐานกันฝุ่น/น้ำ IP55-IP66 ซึ่งเหมาะกับสภาพงานที่มีฝุ่นและฝนบ่อย

อุปกรณ์เสริม: ขาตั้งไม้หรือไฟเบอร์กลาส (มีความนิ่งมากกว่า) และไม้สต๊าฟขนาด 5 เมตร

3. งานเขื่อนและงานที่ต้องการความละเอียดสูง

ลักษณะงาน: การเฝ้าระวังการทรุดตัว (Settlement Monitoring), งานโครงสร้างขนาดใหญ่

กล้องที่เหมาะสม: Digital Level ที่มีความเที่ยงตรงสูง

• ความเที่ยงตรง: 0.3-0.7 mm ต่อ 1 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
• ระบบการอ่านค่า: ควรมีระบบอ่านค่าจาก Barcode Staff เพื่อลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์

อุปกรณ์เสริม: ไม้สต๊าฟชนิด Invar (เสถียรต่ออุณหภูมิ) และขาตั้งที่มั่นคงมากเป็นพิเศษ

ตารางสรุป

เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจซื้อ

• ความเที่ยงตรงที่ต้องการ: กำหนดความต้องการของงานจริงก่อน แล้วจึงเลือกกล้องตาม
• กำลังขยาย: ตรวจสอบว่าสามารถเล็งเป้าหมายในระยะที่ต้องการได้ชัดเจนหรือไม่
• ความทนทาน: ควรเลือกกล้องที่มีมาตรฐานกันฝุ่นและน้ำเหมาะสมกับสภาพหน้างาน
• บริการหลังการขาย: ควรพิจารณาศูนย์บริการสอบเทียบ (Calibration) และระยะเวลาซ่อมที่สะดวก
• อุปกรณ์เสริม: ตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นครบถ้วนหรือไม่ เช่น ไม้สต๊าฟ ขาตั้ง ร่ม/ผ้าคลุม และแบตเตอรี่สำรอง