การประมวลผลมีเลเซอร์และไม่มีเลเซอร์ แตกต่างกันอย่างไร
อัพเดทล่าสุด: 6 มี.ค. 2025
338 ผู้เข้าชม

การประมวลผลแบบ เลเซอร์ชี้เป้า และแบบ ไม่มีเลเซอร์ชี้เป้า แตกต่างกันในหลายแง่มุม โดยเฉพาะในแง่ของความแม่นยำ การนำทาง และการใช้งานในระบบต่าง ๆ เช่น ระบบอาวุธ ระบบตรวจจับ และการนำทางอัตโนมัติ
1. การประมวลผลแบบเลเซอร์ชี้เป้า (Laser-Guided)
หลักการทำงาน
ใช้ ลำแสงเลเซอร์ เพื่อระบุเป้าหมาย
ระบบเซนเซอร์ของอุปกรณ์ (เช่น อาวุธนำวิถี หรือเครื่องมือวัด) จะตรวจจับและติดตามจุดสะท้อนจากเลเซอร์เพื่อระบุตำแหน่งเป้าหมาย
สามารถใช้คนหรือระบบอัตโนมัติในการชี้เป้า
ข้อดี:
- ความแม่นยำสูง – เนื่องจากเลเซอร์สามารถระบุเป้าหมายเฉพาะเจาะจง
- ลดความผิดพลาด – อุปกรณ์สามารถล็อกเป้าหมายได้ดีกว่าการใช้เพียง GPS หรืออินฟราเรด
- สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ GPS อาจมีปัญหา เช่น ภูมิประเทศที่ซับซ้อน
ข้อเสีย
- ต้องมีสายตาหรือระบบส่งสัญญาณไปยังเป้าหมาย – อาจมีข้อจำกัดเมื่อเป้าหมายถูกบดบัง
- มีโอกาสถูกก่อกวน – ระบบเลเซอร์สามารถถูกขัดขวางหรือบดบังโดยฝุ่น ควัน หรือสิ่งกีดขวาง
2. การประมวลผลแบบไม่มีเลเซอร์ชี้เป้า (Non-Laser-Guided)
หลักการทำงาน
ใช้วิธีอื่นแทนเลเซอร์ เช่น GPS, อินฟราเรด (IR), กล้องถ่ายภาพ, เรดาร์, หรือเซนเซอร์แม่เหล็ก
ระบบจะประมวลผลข้อมูลจากเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อระบุตำแหน่งของเป้าหมาย
สามารถทำงานแบบอัตโนมัติและไม่ต้องการการชี้เป้าโดยตรง
ข้อดี:
- ไม่ต้องใช้สายตาตรงไปยังเป้าหมาย – ทำให้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนหรือไกลมากขึ้น
- มีความหลากหลาย – สามารถใช้หลายเซนเซอร์ร่วมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
- ลดความเสี่ยงจากการก่อกวนด้วยแสงหรือหมอกควัน
ข้อเสีย
- อาจมีความแม่นยำน้อยกว่าเลเซอร์ชี้เป้า – หากระบบเซนเซอร์ไม่ละเอียดเพียงพอ
- บางระบบต้องพึ่งพาข้อมูลภายนอก เช่น GPS ซึ่งอาจถูกก่อกวนได้
- อาจเกิดข้อผิดพลาดในการประมวลผล – เช่น ระบบ AI อาจวิเคราะห์เป้าหมายผิด